8 วิธีลดน้ำหนักไม่ได้ผล การลดน้ำหนักที่ไม่ช่วยอะไรซ้ำยังเสียสุขภาพ ที่คุณต้องรู้
8 วิธีลดน้ำหนักไม่ได้ผล การลดน้ำหนักที่ไม่ช่วยอะไรซ้ำยังเสียสุขภาพ ที่คุณต้องรู้ วิธีต่างๆที่จะใช้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยนั้นต่างก็ต้องอาศัยระยะเวลาด้วยกันทั้งนั้น แต่ทุกคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักต่างก็ต้องการให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้อย่างเด่นชัดและสามารถลดลงได้อย่างรวดเร็วทันใจ
บางส่วนจึงอาจตัดสินใจเลือกใช้วิธีที่ผิดในการลดน้ำหนัก ซึ่งหลายวิธีนอกจากจะไม่สามารถทำให้ผอมลงได้แล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวตามมาอีก วิธีลดน้ำหนักไม่ได้ผล หรือทำไมลดน้ำหนักไม่ลง นั้นมีอะไรบ้างนั้นที่สาวๆที่อยากลดน้ำหนักควรหลีกเลี่ยงมาดูกันเลยดีกว่า
1. ใช้ยาลดความอ้วน
โทษของยาลดความอ้วนนั้นมีมากกว่าที่คิด โดยผลข้างเคียงจากการใช้ยาลดความอ้วนมักจะปรากฏเป็นข่าวอยู่เสมอ ว่าใช้แล้วจะเกิดผลที่เป็นอันตรายต่อร่างกายต่างๆนานาตามมา และเมื่อเลิกใช้ก็จะส่งผลให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ตามมาอีกด้วย
ยิ่งเดี๋ยวนี้ยาลดความอ้วนมากมายต่างก็มีกลยุทธ์ที่จะขายสินค้าด้วยการอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ปราศจากอันตราย ใช้แล้วไม่โยโย่ แต่แท้ที่จริงหากยังมีนิสัยการกินแบบเดิมๆยังไงก็ยังอ้วนอยู่นั่นเอง ดังนั้นแทนที่จะเอาร่างกายมาเสี่ยงโดยการใช้วิธีลัดในการลดความอ้วน ก็ควรเปลี่ยนมาใช้วิธีธรรมชาติแทนจะดีกว่า เพราะมันคงไม่คุ้มแน่หากจะมีผลอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา
2. อดหรืองดเว้นมื้ออาหาร
วิธีอดหรืองดเว้นมื้ออาหารมื้อใดมื้อหนึ่งไปเลย เป็นวิธีที่ผู้ที่ต้องการลดความอ้วนหลายคนชอบใช้ เพราะคิดว่าการงดบริโภคอาหารจะช่วยให้ปริมาณแคลอรี่ที่จะได้รับต่อวันลดน้อยลงไปได้ แต่ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาคือร่างกายอาจจะเกิดความสับสนว่าจะมีอาหารมาให้เผาผลาญพลังงานอีกเมื่อไหร่ จึงทำให้เกิดการดูดซึมอาหารเก็บเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
และผลอีกอย่างที่จะตามมาหลังจากการอดอาหารก็คือมันจะทำให้คุณรู้สึกหิวมากกว่าปกติ พอมื้อต่อไปมาถึงคุณก็จะกินเยอะมากขึ้นกว่าเดิม การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จึงเป็นวิธีที่นอกจากจะไม่ได้ผลแล้วยังจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะหากอดข้าวเย็นจะทำให้ร่างกายต้องอดอาหารเป็นเวลาถึง 12-16 ชั่วโมง เลยทีเดียว
3. ออกกำลังกายอย่างหักโหมเกินไป
แม้การออกกำลังกายจะเป็นวิธีที่เหมาะสมในการลดน้ำหนัก แต่การออกกำลังกายแบบหักโหมเกินไป หรือออกกำลังกายผิดวิธี ดูจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ เพราะการที่ร่างกายต้องใช้งานหนักอาจเกิดผลเสียได้ในเวลาต่อมา นอกจากนี้แล้วมันยังจะต้องใช้เวลามากและทำให้ร่างกายอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงที่จะไปทำอย่างอื่นหรืออาจส่งผลกระทบต่อการงานตามมาได้
ที่ถูกแล้วควรมีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ที่ได้ออกกำลังกายมาเป็นระยะเวลานานๆ ควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอว่าสภาพร่างกายของตัวเองนั้นสามารถออกกำลังกายได้หนักแค่ไหนและใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะพอดี หากร่างกายมีการคุ้นชินกับความหนักเบาและระยะเวลาที่ใช้ในการออกกำลังดีแล้ว จึงค่อยปรับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
4. ไม่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายแบบหักโหมเกินไปก็ไม่ดี แต่การจะไม่ออกกำลังกายเลยก็ไม่ดีอีกเช่นกัน สาวๆหลายคนปฏิเสธที่จะลดความอ้วนด้วยวิธีออกกำลังกาย แต่หันมาใช้วิธีอดอาหารแทน ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายอ่อนแอแล้ว ยังส่งผลให้กล้ามเนื้อมีอาการหย่อนคล้อย ดูมีลักษณะเหี่ยวๆอีกด้วย
แถมยังมีโอกาสเป็นโรคขาดสารอาหารอีก แต่หากใช้วิธีออกกำลังกาย นอกจากจะไม่จำเป็นต้องอดอาหารแล้วยังช่วยให้สลายไขมันได้เร็วขึ้น เพราะการกำลังกายจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น ส่งผลให้มีรูปร่างดีขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องอดแทบขาดใจยังไงล่ะ
5. ลดน้ำหนักด้วยวิธี Detox หรือ Fasting
Fasting เป็นวิธีอดอาหารเพื่อขจัดสารพิษออกจากร่างกายคล้ายกันกับวิธี Detox ซึ่งใช้วิธีนี้ในการลดน้ำหนักได้โดยการดื่มแต่น้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ตลอดทั้งวันแทน ถึงแม้ว่าน้ำหนักจะหายไปก็จริง แต่ว่าน้ำหนักที่หายไปนั้นก็คือน้ำหนักของน้ำในร่างกายนั่นเอง ซึ่งก็หนีไม่พ้นที่จะกลับมาอ้วนอีกครั้งเมื่อกลับมาทานตามปกติ
นอกจากนี้แล้วการดื่มแต่น้ำเปล่าและน้ำผลไม้ยังทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งนอกจากจะเป็นผลเสียต่อร่างกายแล้วยังส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้สมองไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควรอีกด้วย
6. น้ำอัดลมและเครื่องดื่มไดเอต
หลายคนพยามยามที่จะหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ โดยหันมาดื่มน้ำอัดลมประเภทไดเอตหรือน้ำอัดลมที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักแต่อย่างใด เพราะถึงแม้การดื่มน้ำอัดลมประเภทไดเอตจะช่วยให้ได้รับพลังงานน้อยลง แต่กลับจะส่งผลเสียหากได้รับเป็นระยะเวลานาน
เนื่องจากอาจเป็นผลทำให้กระดูก สึกกร่อนและส่งผลเสียต่อไตตามมา แถมยังอาจทำให้ขาดพลังงานมาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ร่างกายเกิดการเรียกร้องที่จะได้รับพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะดื่มบ่อยจนเกินไปแต่อาจจะดื่มเป็นบางครั้งแค่พอให้ดับกระหายเท่านั้น
7. ดื่มน้ำน้อยเกินไป
น้ำนอกจากจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกายแล้ว ยังมีส่วนอย่างมากในการช่วยให้ร่างกายได้เผาผลาญแคลอรี่ หากไม่ค่อยได้ดื่มน้ำหรือปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำเป็นประจำ ก็จะทำให้ระบบเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้ช้าลง และเป็นผลให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้ช้าด้วย
นอกจากนี้แล้ว การดื่มน้ำยังช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยในการขับถ่ายให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เราจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6 – 8 แก้วเป็นอย่างน้อย และวิธีดื่มที่ถูกต้องคือควรดื่มทีละน้อยๆแต่ดื่มบ่อยๆแทนการดื่มปริมาณมากๆในครั้งเดียว
8. การเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบกะทันหัน
การเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองแบบทันทีทันใดเพื่อการลดน้ำหนัก กลับกลายเป็นว่าจะทำให้การลดน้ำหนักล้มเหลวเสียมากกว่า เนื่องจากพอทำไปได้สักพักจะทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้และล้มเลิกไปก่อน เพราะการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างแบบหักดิบ ในคราวเดียวกันย่อมเป็นไปได้ยากที่จะประสบความสำเร็จ
เช่นเป็นคนที่ติดการทานเนื้อสัตว์แต่จะให้เปลี่ยนมาเป็นมังสวิรัติแทนในเวลาอันรวดเร็ว ถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล ซึ่งทางออกที่ดีกว่าก็คือการค่อยๆปรับเปลี่ยนทีละน้อยโดยไม่เป็นการฝืนใจกันจนเกินไปมากกว่า
การตัดสินใจเลือกใช้วิธีที่ผิดในการลดน้ำหนัก นอกจากจะไม่สามารถช่วยลดความอ้วนได้แล้วยังส่งผลเสียตามมาอีกมากมาย การเลือกลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีแม้จะเห็นผลได้ช้า แต่ก็เป็นวิธีที่สามารถทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างแน่นอนและไม่ก่อให้เกิดอันตรายตามมาอีกด้วย จึงไม่ควรเอาตัวเองไปเสี่ยงกับสิ่งที่ทำให้ต้องเสียทั้งเวลา เงินทอง โดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดตามมา
อ้างอิงจาก
https://www.vox.com/science-and-health/2018/3/13/17054146/diet-isnt-working-why
https://www.scientificamerican.com/article/unexpected-clues-emerge-about-why-diets-fail/
https://www.womenshealthmag.com/weight-loss/a31451522/reasons-not-losing-weight/
https://www.health.harvard.edu/blog/when-dieting-doesnt-work-2020052519889