6 วิธีดูแลตัวเองไม่ให้แก่เร็ว
6 วิธีดูแลตัวเอง ไม่ให้แก่เร็ว เชื่อว่าเกือบทุกคนทีเดียวแหละที่อยากจะดูเป็นหนุ่มเป็นสาวได้นานๆ ไม่อยากให้ตัวเองต้องแก่ก่อนวัยอันควร แต่ว่าก็มีปัจจัยมากมายหลายประการที่จะส่งผลให้ริ้วรอยแห่งวัยมาเยือนเราได้เร็วขึ้น
ทั้งปัญหาความเครียดจากการทำงานบ้าง จากปัญหาชีวิตส่วนตัวบ้าง จากปัญหามลภาวะเป็นพิษบ้าน โอ๊ย!ยิ่งคิดแล้วยิ่งเครียดอย่างงี้จะไม่ให้แก่ยังไงไหว ใครที่ยังไม่อยากแก่ วันนี้เรามีวิธีดูแลตัวเองไม่ให้แก่เร็วมาฝากกัน จะมีวิธีไหนบ้างมาดูกันเลย วิธีดูแลตัวเอง
1. การรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหารนั้น ควรที่จะทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างพอเพียงในแต่ละวัน โดยเฉพาะพวกผักผลไม้ที่มีคอลลาเจนสูงควรเน้นเป็นพิเศษ เพราะในผักผลไม้ไม่เพียงแต่จะมีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ผ่อนคลาย ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียได้เท่านั้น แต่ในผักผลไม้ยังมีกากใยอาหารซึ่งจะช่วยในเรื่องของการขับถ่ายอีกด้วย
นอกจากนี้การปรุงอาหารควรใช้วิธีต้ม ปิ้ง ย่าง นึ่ง ลวก หรือใช้ความร้อนไม่สูงนักในการประกอบอาหาร อาหารทอดหรือผัด หรืออาหารจำพวกแคลอรี่สูงควรทานแต่น้อย เนื่องจากอาหารพวกนี้จะทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญพลังงานมาก หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก อาหารรสจัด ชา กาแฟ งดดื่มเหล้าสูบบุหรี่
2. การออกกำลังกาย
เป็นที่รู้กันว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากมายหลายประการ ทั้งในด้านร่างกายและอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ช่วยในการขับถ่ายของเสีย ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดี ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระที่จะทำให้ร่างเราเสื่อมโทรมเร็วขึ้น
ส่วนในด้านอารมณ์การออกกำลังกายจะช่วยให้เราเครียดน้อยลง ผ่อนคลายมากขึ้น รู้สึกสดชื่น อารมณ์ดี มีความสุข ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการออกกำลังกายนั้น ถ้าจะให้ดีควรที่จะเป็นช่วงเวลาเช้า เพราะการตื่นเช้ามาออกกำลังจะทำให้เราได้รับพลังชีวิตสำหรับเช้าวันใหม่ ทำให้ร่ายกระปรี้กระเปร่าพร้อมที่จะทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน
และหากร่ายกายได้เผาผลาญพลังงานจากการออกกำลัง ก็จะทำให้เรามีเวลาทั้งวันที่จะทานอาหารเพื่อที่จะได้รับพลังงานเข้าไปทดแทน ส่วนระยะเวลาจะเป็นเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับ อายุ สุขภาพ และความแข็งแรงของร่างกาย แต่โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะใช้ในการออกกำลังกาย ก็คือ 10 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วันเป็นอย่างน้อย แต่ควรหาเวลาที่จะออกกำลังกายให้ได้อย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรที่จะหักโหมจนเกินไป ไม่ว่าจะออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว รำมวยจีน ไทเก็ก ทำโยคะ เต้นแอโรบิก ก็ควรคำนึงถึงสุขภาพและความเหมาะสมของร่างกาย
3. สิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อมถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างแยกไม่ออกเลยทีเดียว เราก็กินอะไรเข้าไปเราก็เป็นอย่างนั้น เราหายใจเอาอะไรเข้าไปเราก็เป็นเช่นนั้น การได้อยู่ท่ามกลางมลภาวะที่เป็นพิษ หายใจเอาอากาศเสียเข้าปอดอยู่ทุกวันๆย่อมไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายแน่ การรับประทานอาหารก็เช่นกัน ด้วยความเร่งรีบในการดำเนินชีวิต ทำให้เราต้องกินอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป อาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งสี กลิ่น รสต่างๆเหล่านี้
ล้วนเต็มไปด้วยสารเคมีเจือปนซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวการที่จะนำความเสื่อมโทรมมาให้กับร่างกายของเราอีกทางหนึ่ง รวมทั้งการได้สัมผัสแสงแดดจัดๆอยู่บ่อยๆและเป็นระยะเวลานานๆก็เป็นเหตุแห่งความเสื่อมถอยของสภาพร่างกายเช่นกัน การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี แวดล้อมไปด้วยอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยชะลอความชรา ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาว
รวมทั้งการเลือกรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆก็จะทำให้เราได้ทานอาหารที่สะอาดปลอดภัยไร้สิ่งปลอมปน การหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสแสงแดดตรงๆก็เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตัวเองไม่ให้แก่เช่นกัน
4. อารมณ์
การดูแลตัวเองไม่ให้แก่เร็วอีกวิธีหนึ่ง ก็คือการดูแลจัดการกับอารมณ์ตนเอง โดยเฉพาะอารมณ์เครียดเมื่อมีอารมณ์เครียดเกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ของเราเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลต่อร่างกายของเราด้วย เมื่อเรารู้สึกเครียดหรือมีอาการเครียด ร่ายกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจของเราเต้นเร็วและแรง เกิดการบีบรัดหลอดเลือดให้หดตัว ทำให้หัวใจต้องสูบฉีดเลือดแรงขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น จึงทำให้เลือดมีความข้นและเหนียว
จนไม่สามารถที่จะส่งไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกายได้อย่างพอเพียง นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาแล้ว เมื่อเลือดส่งไปเลี้ยงผิวหนังไม่เพียงพอบ่อยๆเข้า ก็จะทำให้ผิวหนังเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยมากขึ้นนั่นเอง วิธีแก้หน้าแก่ที่ดีที่สุด เราจึงควรดูแลอารมณ์ให้เป็นปกติอยู่เสมอ ทำกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลาย อย่างเช่น เดินเล่น ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ ทำสมาธิ มองโลกในแง่ดี
5. การนอนหลับพักผ่อน
การพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็เป็นวิธีดูแลตัวเองไม่ให้แก่เร็วอีกวิธีหนึ่ง การนอนน้อยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอนอกจากจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรมเร็วขึ้น เราจึงควรที่จะนอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง และเข้านอนให้เร็วขึ้นจะทำให้อวัยวะต่างๆในร่างกายได้มีเวลาหยุดพักและได้มีเวลาสำหรับการซ่อมแซมตัวเองมากขึ้น
ช่วยให้อารมณ์ดีมีความสุข ช่วยให้หน้าเด็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อ โกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ใบหน้าสดใส แลดูอ่อนเยาว์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงเท่านั้นการนอนอย่างพอเพียงยังช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย ดูแลผิวหน้าให้ใส ไม่มีปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยอันควรอีกด้วย
6. การทำสมาธิ
วิธีดูแลตัวเองไม่ให้แก่เร็วอีกหนึ่งวิธีคือการนั่งสมาธิ การทำสมาธิด้วยการหายใจเข้าออกไม่เพียงแต่จะช่วยให้เรารู้สึกสงบผ่อนคลายและลดความเครียดได้เท่านั้น แต่การทำสมาธิด้วยการตามรู้ลมหายใจที่เข้าและออกยังทำให้ผิวของเราได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ และยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ร่างกายอีกด้วย การทำสมาธิจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราดูอ่อนกว่าวัยได้ และการทำสมาธิยังสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการหาที่สงบๆนั่งตัวตรงตามรู้ลมหายใจที่เข้าและออกแต่เพียงเท่านั้น
โดยอาจจะนั่งหลังจากตื่นนอนและก่อนเข้านอนเป็นประจำทุกวันก็ได้ การนั่งสมาธิในตอนเช้าจะทำให้เราดำเนินชีวิตด้วยจิตใจที่สงบ และการทำสมาธิก่อนเข้านอนก็จะทำให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลายอีกครั้งก่อนที่จะเข้านอนนั่นเอง
แม้ว่าความแก่ชราจะเป็นเรื่องธรรมชาติก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องปล่อยปละละเลยตัวเองไป ตรงข้ามเราควรหันมาใส่ใจดูแลตัวเองไม่ให้แก่เร็ว เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำประโยชน์ไปได้อีกนานๆไงล่ะ