ในยุคที่การดูแลสุขภาพและการลดน้ำหนักเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจมากขึ้น Volumetrics Diet ลดน้ำหนัก ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวทางการบริโภคอาหารที่ได้รับความนิยม ซึ่งหลักการนี้พัฒนาโดย Dr. Barbara Rolls ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัย Penn State University โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างวิธีการบริโภคอาหารที่เน้นการกินอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง หลักการสำคัญคือการเลือกอาหารที่มีปริมาณมากแต่แคลอรี่น้อย เพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มและลดการบริโภคแคลอรี่โดยรวม

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับแนวคิดพื้นฐานและหลักการทำงานของ Volumetrics Diet ซึ่งเน้นการบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ำสูงและพลังงานต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ และซุปน้ำใส นอกจากนี้เรายังจะอธิบายถึงกลุ่มอาหารทั้ง 4 ประเภทตามพลังงานที่ให้ในแต่ละปริมาณ และวิธีการจัดการมื้ออาหารและการควบคุมปริมาณอาหารเพื่อการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน หากคุณกำลังมองหาแนวทางการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องจำกัดอาหารบางประเภท และสามารถทำได้ในระยะยาว แนวทางนี้อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Volumetrics Diet ลดน้ำหนัก

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Volumetrics Diet

Volumetrics Diet เป็นแนวทางการบริโภคอาหารที่ถูกพัฒนาโดย Dr. Barbara Rolls ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัย Penn State University โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างวิธีการบริโภคอาหารที่เน้นการกินอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง หลักการสำคัญของ Volumetrics Diet คือการเลือกอาหารที่มีปริมาณมากแต่แคลอรี่น้อย เพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มและลดการบริโภคแคลอรี่โดยรวม

แนวคิดพื้นฐานของ Volumetrics Diet

Volumetrics Diet มุ่งเน้นการบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ำสูงและพลังงานต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ลดความอ้วน และซุปน้ำใส อาหารเหล่านี้มีความสามารถในการเติมเต็มกระเพาะอาหารและทำให้รู้สึกอิ่ม โดยไม่เพิ่มแคลอรี่จำนวนมาก นอกจากนี้ Volumetrics Diet ยังแนะนำให้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินหรือการทำกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เพื่อส่งเสริมการลดน้ำหนักและการรักษาสุขภาพที่ดี

หลักการทำงานของ Volumetrics Diet

หลักการทำงานของ Volumetrics Diet คือการจัดแบ่งอาหารออกเป็น 4 ประเภทตามพลังงานที่ให้ในแต่ละปริมาณ ดังนี้:

กลุ่มที่ 1: อาหารที่มีพลังงานต่ำมาก (Calorie Density < 0.6)

อาหารในกลุ่มนี้รวมถึงผักที่ไม่มีแป้ง ผลไม้บางชนิด นมไร้ไขมัน และซุปน้ำใส อาหารเหล่านี้สามารถรับประทานได้ในปริมาณมากโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่

  • ตัวอย่าง: บร็อคโคลี แครอท แอปเปิ้ล และโยเกิร์ตไร้ไขมัน

กลุ่มที่ 2: อาหารที่มีพลังงานต่ำ (Calorie Density 0.6 – 1.5)

อาหารในกลุ่มนี้ประกอบด้วยธัญพืชเต็มเมล็ด เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ผลไม้และผักที่มีแป้งต่ำ อาหารเหล่านี้มีความสมดุลระหว่างพลังงานและสารอาหาร

  • ตัวอย่าง: ข้าวกล้อง ไก่ไม่มีหนัง ถั่วลิสง และมันฝรั่ง

กลุ่มที่ 3: อาหารที่มีพลังงานปานกลาง (Calorie Density 1.6 – 3.9)

อาหารในกลุ่มนี้สามารถบริโภคได้ในปริมาณเล็กน้อย เนื่องจากมีพลังงานสูงกว่า อาจเป็นเนื้อสัตว์ที่มีไขมัน ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมัน และขนมอบบางประเภท

  • ตัวอย่าง: เนื้อสัตว์ติดมัน ชีส พิซซ่า และไอศกรีม

กลุ่มที่ 4: อาหารที่มีพลังงานสูง (Calorie Density 4 – 9)

อาหารในกลุ่มนี้ควรบริโภคอย่างจำกัด เนื่องจากมีพลังงานสูงมาก มักประกอบด้วยอาหารที่มีน้ำมัน น้ำตาล และไขมันสูง

  • ตัวอย่าง: ขนมขบเคี้ยว ช็อกโกแลต แครกเกอร์ และน้ำมัน

วิธีการจัดการมื้ออาหารและการควบคุมปริมาณอาหาร

การจัดการมื้ออาหารใน Volumetrics Diet เน้นการรวมอาหารจากกลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นหลัก โดยสามารถรวมอาหารจากกลุ่มที่ 3 และ 4 ได้ในปริมาณเล็กน้อย การวางแผนมื้ออาหารที่มีผักและผลไม้เป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยให้รู้สึกอิ่มและลดการบริโภคแคลอรี่โดยรวม นอกจากนี้ การบันทึกการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายในแต่ละวันจะช่วยให้สามารถติดตามความก้าวหน้าและปรับปรุงพฤติกรรมการกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ


วิธีการเริ่มต้นกับ Volumetrics Diet ลดน้ำหนัก

วิธีการเริ่มต้นลดน้ำหนัก

Volumetrics Diet เป็นวิธีการบริโภคอาหารที่มุ่งเน้นการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและสารอาหารสูง เพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มและลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเริ่มต้นกับ Volumetrics Diet ไม่ใช่เรื่องยาก และนี่คือขั้นตอนการเริ่มต้นที่คุณสามารถทำได้:

1. ศึกษาและทำความเข้าใจกับ Volumetrics Diet

เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการของ Volumetrics Diet อ่านข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มอาหารทั้ง 4 ประเภท และเรียนรู้วิธีการคำนวณพลังงานในอาหารต่างๆ

2. วางแผนมื้ออาหาร

การวางแผนมื้ออาหารเป็นสิ่งสำคัญ ควรวางแผนมื้ออาหารที่ประกอบด้วยอาหารจากกลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นหลัก เช่น ผักและผลไม้ที่ไม่มีแป้ง เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และธัญพืชเต็มเมล็ด

3. การเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและสารอาหารสูง

เลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและสารอาหารสูงเพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มโดยไม่เพิ่มแคลอรี่ เช่น ผัก ผลไม้ นมไร้ไขมัน และซุปน้ำใส

4. เริ่มบันทึกการบริโภคอาหาร

การบันทึกการบริโภคอาหารในแต่ละวันจะช่วยให้คุณสามารถติดตามความก้าวหน้าและปรับปรุงพฤติกรรมการกินได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างเมนูอาหารในแต่ละมื้อ

อาหารเช้า

  • โยเกิร์ตไม่มีไขมันกับผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ลหรือเบอร์รี่
  • ข้าวโอ๊ตกับนมไร้ไขมันและผลไม้สด

อาหารกลางวัน

  • สลัดผักกับไก่ย่างไม่ติดหนังและน้ำสลัดน้ำใส
  • ซุปผักรวมกับข้าวกล้อง

อาหารเย็น

  • ปลาย่างกับผักนึ่งและข้าวกล้อง
  • ซุปน้ำใสกับผักและเต้าหู้

อาหารว่าง

  • แครอทหรือแตงกวาฝานกับฮัมมุส
  • ผลไม้สด เช่น แอปเปิ้ลหรือกล้วย

การปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหาร

การปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหารจากอาหารพลังงานสูงเป็นอาหารพลังงานต่ำเป็นสิ่งสำคัญในการทำ Volumetrics Diet ต่อไปนี้เป็นวิธีการง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้:

1. เปลี่ยนขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลเกรน

ขนมปังโฮลเกรนมีสารอาหารมากกว่าขนมปังขาวและช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น

2. เลือกนมไร้ไขมันแทนนมเต็มไขมัน

นมไร้ไขมันมีแคลอรี่น้อยกว่าและยังคงมีสารอาหารที่สำคัญ

3. ใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืช

น้ำมันมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ

4. เพิ่มผักและผลไม้ในทุกมื้ออาหาร

การเพิ่มผักและผลไม้ในมื้ออาหารจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและใยอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มและลดการบริโภคแคลอรี่

5. ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงมักมีแคลอรี่มาก และสามารถเปลี่ยนมาเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูงแทน


ประโยชน์ของ Volumetrics Diet ลดน้ำหนัก

ประโยชน์ของ Volumetrics Diet

Volumetrics Diet เป็นวิธีการบริโภคอาหารที่เน้นการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง ซึ่งมีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์หลายประการต่อสุขภาพและการลดน้ำหนัก ดังนี้:

การลดน้ำหนักในระยะยาว

การทำ Volumetrics Diet ช่วยให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วแต่เน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารในระยะยาว การเลือกอาหารที่มีปริมาณมากแต่แคลอรี่ต่ำช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและลดการบริโภคแคลอรี่โดยรวม ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงน้ำหนักได้ในระยะยาว

การปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

การเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อาหารเหล่านี้มีสารอาหารที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหัวใจ

การลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2

การบริโภคอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีใยอาหารสูงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ได้ การเลือกอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ผักและผลไม้สด ช่วยให้ร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น

การลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมหลังวัยหมดประจำเดือน

การบริโภคอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมหลังวัยหมดประจำเดือน งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการบริโภคอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีใยอาหารสูงสามารถช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้

การปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภค

Volumetrics Diet ไม่เพียงแต่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังช่วยในการปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ทำให้สามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ได้มากขึ้น ดังนี้:

การเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง

Volumetrics Diet ช่วยให้ผู้บริโภคเรียนรู้วิธีการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ นมไร้ไขมัน และธัญพืชเต็มเมล็ด อาหารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน

การลดการบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูง

การทำ Volumetrics Diet ช่วยลดการบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูง เช่น อาหารที่มีน้ำมัน น้ำตาล และไขมันสูง อาหารเหล่านี้มักมีแคลอรี่สูงและสามารถนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนักและปัญหาสุขภาพได้


ตัวอย่างเมนูอาหารตาม Volumetrics Diet

ตัวอย่างเมนูอาหารตาม Volumetrics-Diet

การเริ่มต้นการทำ Volumetrics Diet ไม่เพียงแต่ต้องเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง แต่ยังต้องวางแผนมื้ออาหารอย่างรอบคอบเพื่อให้การบริโภคอาหารในแต่ละวันมีความหลากหลายและครบถ้วนด้วยสารอาหารที่จำเป็น

เมนูอาหารเช้า

โยเกิร์ตไม่มีไขมันกับผลไม้สด

  • ส่วนประกอบ: โยเกิร์ตไม่มีไขมัน 1 ถ้วย, ผลไม้สด เช่น เบอร์รี่ กล้วย หรือแอปเปิ้ล หั่นชิ้นเล็ก ๆ
  • วิธีทำ: ผสมโยเกิร์ตกับผลไม้สด คนให้เข้ากัน เป็นอาหารเช้าที่มีพลังงานต่ำแต่มีโปรตีนและใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มนานและเพิ่มพลังงานให้เริ่มต้นวันใหม่

ซุปน้ำใสกับผักหลากสี

  • ส่วนประกอบ: น้ำซุปไก่หรือผัก 1 ถ้วย, ผักหลากสี เช่น แครอท บร็อคโคลี หัวไชเท้า หั่นชิ้นเล็ก ๆ
  • วิธีทำ: ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ผักลงไป ต้มจนผักนุ่ม เป็นอาหารเช้าที่ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ

เมนูอาหารกลางวันและเย็น

สลัดผักกับไก่ย่างไม่ติดหนัง

  • ส่วนประกอบ: ผักสลัดต่าง ๆ เช่น ผักกาดแก้ว มะเขือเทศ แตงกวา หั่นชิ้นพอคำ, อกไก่ย่างไม่ติดหนังหั่นชิ้นบาง, น้ำสลัดน้ำใสหรือน้ำมันมะกอกเล็กน้อย
  • วิธีทำ: จัดผักสลัดใส่จาน วางไก่ย่างบนผัก ราดน้ำสลัด เป็นเมนูที่มีพลังงานต่ำแต่มีโปรตีนและใยอาหารสูง

ปลาย่างกับข้าวกล้องและผักนึ่ง

  • ส่วนประกอบ: ปลา เช่น ปลากระพงหรือปลาแซลมอน ย่างจนสุก, ข้าวกล้อง 1 ถ้วย, ผักนึ่ง เช่น บร็อคโคลี แครอท หัวไชเท้า
  • วิธีทำ: จัดปลาย่างใส่จาน เสิร์ฟพร้อมข้าวกล้องและผักนึ่ง เป็นเมนูที่มีพลังงานต่ำแต่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่ดี

ซุปผักรวมกับข้าวกล้อง

  • ส่วนประกอบ: น้ำซุปไก่หรือผัก 1 ถ้วย, ผักรวม เช่น แครอท บร็อคโคลี มะเขือเทศ หั่นชิ้นเล็ก ๆ, ข้าวกล้อง 1 ถ้วย
  • วิธีทำ: ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ผักลงไป ต้มจนผักนุ่ม เสิร์ฟพร้อมข้าวกล้อง เป็นอาหารกลางวันหรือ เมนูอาหารเย็นลดน้ำหนัก  ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มและมีสารอาหารครบถ้วน

การวางแผนมื้ออาหารตาม Volumetrics Diet

การวางแผนมื้ออาหารตาม Volumetrics Diet นอกจากจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานแล้ว ยังช่วยให้การบริโภคอาหารมีความหลากหลายและครบถ้วนด้วยสารอาหารที่จำเป็น เพื่อให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างยั่งยืน ควรเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูงในทุกมื้ออาหาร รวมถึงการดื่มน้ำและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ


การออกกำลังกายกับ Volumetrics Diet

การออกกำลังกายกับ

การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมให้ Volumetrics Diet มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การเพิ่มการออกกำลังกายเข้าไปในชีวิตประจำวันไม่เพียงแต่ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน แต่ยังมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

การเพิ่มการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน

  • การเดินวันละ 30-60 นาที

การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ การเดินวันละ 30-60 นาทีสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่และส่งเสริมสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง การเดินสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในสวนสาธารณะ รอบบ้าน หรือแม้แต่ในที่ทำงาน

  • การใช้เครื่องวัดก้าวเดิน

เครื่องวัดก้าวเดินเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในการติดตามจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน การตั้งเป้าหมายในการเดิน เช่น การเดิน 10,000 ก้าวต่อวัน จะช่วยให้มีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากขึ้น การใช้เครื่องวัดก้าวเดินช่วยให้สามารถตรวจสอบและปรับปรุงกิจกรรมการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประโยชน์ของการออกกำลังกายร่วมกับการทำ Volumetrics Diet

  • การเผาผลาญพลังงานมากขึ้น

การออกกำลังกายร่วมกับการทำ Volumetrics Diet ช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย การเลือกออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการเต้นแอโรบิก ช่วยเผาผลาญแคลอรี่และลดไขมันในร่างกาย ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

การออกกำลังกายที่เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก หรือการฝึกโยคะ ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย การมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงช่วยให้การเผาผลาญพลังงานในร่างกายเพิ่มขึ้น แม้ในขณะที่ร่างกายอยู่ในภาวะพักผ่อน

  • การปรับปรุงสภาพจิตใจ

การออกกำลังกายมีผลดีต่อสภาพจิตใจ ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการหลั่งสารเอ็นโดรฟินในสมอง ซึ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข นอกจากนี้การออกกำลังกายยังช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ทำให้ร่างกายและจิตใจพร้อมในการเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีพลัง


ความยั่งยืนของ Volumetrics Diet ลดน้ำหนัก

ความยั่งยืนของ-Volumetrics-Diet

Volumetrics Diet เป็นแนวทางการบริโภคอาหารที่เน้นการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว ทำให้สามารถรักษาน้ำหนักและสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

เหตุผลที่ทำให้ Volumetrics Diet ยั่งยืน

  • การไม่ต้องจำกัดอาหารบางประเภท

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Volumetrics Diet ยั่งยืนคือการไม่ต้องจำกัดอาหารบางประเภท สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลาย โดยการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และธัญพืชเต็มเมล็ด ทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกจำกัดและสามารถรับประทานอาหารที่ชอบได้ในปริมาณที่เหมาะสม

  • การสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ

Volumetrics Diet มุ่งเน้นการสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยั่งยืน การเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูงช่วยให้รู้สึกอิ่มและพึงพอใจ ทำให้สามารถรักษาน้ำหนักและสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว

การรักษาน้ำหนักหลังการลดน้ำหนัก

หลังจากที่ลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายแล้ว การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาน้ำหนักด้วย Volumetrics Diet

  • การบริโภคอาหารที่มีพลังงานต่ำอย่างต่อเนื่อง

การเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีที่ดีในการรักษาน้ำหนัก ควรเลือกอาหารที่มีปริมาณมากและแคลอรี่น้อย เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด การรับประทานอาหารเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกอิ่มและพึงพอใจโดยไม่เพิ่มแคลอรี่

  • การออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาน้ำหนัก ควรทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานเช่น การเดิน วิ่ง หรือการปั่นจักรยานอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายสามารถรักษาน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การติดตามและปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภค

การบันทึกการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายช่วยให้สามารถติดตามและปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภคได้อย่างต่อเนื่อง การวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้าและการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูงจะช่วยให้สามารถรักษาน้ำหนักและสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว


โดยสรุปแล้ว Volumetrics Diet เป็นแนวทางการบริโภคอาหารที่เน้นการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและมีสารอาหารสูง ซึ่งถูกพัฒนาโดย Dr. Barbara Rolls จากมหาวิทยาลัย Penn State University แนวคิดพื้นฐานของ Volumetrics Diet คือการเลือกอาหารที่มีปริมาณมากแต่แคลอรี่น้อย เพื่อช่วยให้รู้สึกอิ่มและลดการบริโภคแคลอรี่โดยรวม ด้วยการแบ่งอาหารออกเป็น 4 กลุ่มตามพลังงานที่ให้ในแต่ละปริมาณ Volumetrics Diet ช่วยให้เราสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมในการบริโภคแต่ละมื้อ การรวมอาหารจากกลุ่มที่ 1 และ 2 เป็นหลัก และลดปริมาณการบริโภคอาหารจากกลุ่มที่ 3 และ 4 ทำให้เราสามารถลดน้ำหนักและรักษาสุขภาพได้ในระยะยาว

การทำ Volumetrics Diet ยังช่วยสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว ทำให้สามารถรักษาน้ำหนักและสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน หากคุณกำลังมองหาแนวทางการบริโภคอาหารที่ไม่ต้องจำกัดอาหารบางประเภทและสามารถทำได้ในระยะยาว Volumetrics Diet เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจใน Volumetrics Diet มากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ในการดูแลสุขภาพและการลดน้ำหนักของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ


คำถามที่พบบ่อย

1. Volumetrics Diet แตกต่างจากอาหารลดน้ำหนักอื่น ๆ อย่างไร?

Volumetrics Diet เน้นการเลือกอาหารที่มีปริมาณมากแต่แคลอรี่น้อย เช่น ผัก ผลไม้ และซุปน้ำใส ทำให้รู้สึกอิ่มโดยไม่เพิ่มแคลอรี่มาก และไม่ต้องจำกัดอาหารบางประเภทเหมือนกับการลดน้ำหนักอื่น ๆ ที่อาจจำกัดการบริโภคอาหารหลายอย่าง

2. การเริ่มต้น Volumetrics Diet ยากไหม?

การเริ่มต้น Volumetrics Diet ไม่ยาก เนื่องจากเน้นการเลือกอาหารที่มีพลังงานต่ำและสารอาหารสูง และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคได้ง่าย โดยการศึกษาแนวคิดพื้นฐาน วางแผนมื้ออาหาร และเลือกอาหารที่เหมาะสมในการบริโภคในแต่ละมื้อ

3. Volumetrics Diet มีประโยชน์อย่างไรต่อสุขภาพ?

Volumetrics Diet ช่วยในการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน ปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2 และมะเร็งเต้านมหลังวัยหมดประจำเดือน รวมถึงช่วยปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ดีต่อสุขภาพในระยะยาว

4. สามารถออกกำลังกายร่วมกับการทำ Volumetrics Diet ได้หรือไม่?

ได้ การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมให้ Volumetrics Diet มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การเดินวันละ 30-60 นาที การใช้เครื่องวัดก้าวเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือการเต้นแอโรบิก ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และปรับปรุงสภาพจิตใจ

อ้างอิง: