ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยุคนี้เป็นยุคแห่งการดูแลสุขภาพจริง ๆ เพราะเทรนด์การดูแลสุขภาพกำลังมาแรงมาก ๆ จะเห็นได้จากการที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น และนอกจากนั้นในเรื่องของอาหารการกิน หรือแม้แต่เครื่องดื่มเอง ก็เป็นแบบที่ช่วยดูแลสุขภาพทั้งนั้น “คอมบูชา” เองก็เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่สายสุขภาพตามหากัน เนื่องจากว่าดีต่อสุขภาพ และเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากด้วย แต่ทั้งนี้บางคนก็อาจจะยังไม่รู้จักว่าคืออะไร แล้วมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ในบทความนี้จึงอยากจะชวนมาทำความรู้จักในเรื่องนี้กัน
คอมบูชา คืออะไร
คอมบูชา คือ ชาหมักที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือหากว่ามีแอลกอฮอล์ก็มีในปริมาณ 0.5% เท่านั้นเอง อีกทั้งชาหมักยังมีคาเฟอีนด้วย โดยจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 12.4 – 41.6 มิลลิกรัมต่อ 100 มิลลิลิตร สำหรับ Kombucha ก็ได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานกว่า 2,000 ปีแล้ว ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน, รัสเซีย และแถบยุโรปตะวันออก ในการหมักจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ด้วย จึงทำให้ชาหมักนี้ดูเหมือนกับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีการอัดแก๊สเข้าไป แต่จริง ๆ แล้วคือไม่ใช่ เพราะก๊าซที่เกิดขึ้นมาจากการหมักเอาไว้ตามธรรมชาติ
การหมักชาชนิดนี้ จะมีการนำเอาชาเขียว หรือว่าชาดำ มาผสมรวมกันกับยีสต์, น้ำตาล และแบคทีเรีย ในการหมักชาจะทำการหมักต่อเนื่องไปเป็นเวลาอย่างน้อย 7-15 วัน โดยไม่ควรหมักให้นานกว่านี้ เนื่องจากว่าชาที่หมักไว้จะกลายเป็นน้ำส้มสายชูแทน และจะมีรสชาติที่เปรี้ยวเกินกว่าที่จะนำมาดื่มได้ ซึ่งหากว่ามีการหมักชาออกมาได้พอดี ก็จะทำให้ชามีรสชาติเปรี้ยวนำ และหวานเล็กน้อย อีกทั้งยังมีความซ่าแซมเข้ามาด้วย บอกเลยว่ากลิ่น และรสชาติของชาหมักนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ
ขั้นตอนการทำชาหมัก ต้องทำอย่างไรบ้าง
สำหรับขั้นตอนของการทำชาหมัก หรือ Kombucha ก็จะเริ่มต้นจากการนำเอาใบชาเขียว หรือว่าชาดำมาต้มกับน้ำเดือดเป็นเวลา 10 – 15 นาที โดยการทำเช่นนี้ก็เพื่อสกัดสารอาหาร และแร่ธาตุที่อยู่ในชาออกมา จากนั้นให้นำชาที่ต้มเสร็จแล้วมากรองเอาใบชาออก เมื่อได้น้ำชาแล้วให้เติมน้ำตาลซูโครสในปริมาณที่พอดีลงไป เพื่อที่จะให้จุลินทรีย์เติบโตได้ดี หลังจากที่ทิ้งให้เย็นลงแล้วก็ค่อยนำน้ำชาที่ได้มาเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
ต่อมาให้ทำการเติมกล้าเชื้อจุลินทรีย์พันธุ์ดี หรือที่เรียกว่า SCOBY ลงไปด้วย สุดท้ายให้นำเอาผ้าขาวบางมาปิดภาชนะไว้ เพื่อเป็นการบ่มชาเอาไว้ โดยจะต้องหมักชาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลา 7-15 วัน เมื่อหมักไปเรื่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ มีแผ่นวุ้นขึ้นมาบนผิวน้ำชา หลังจากนั้นเมื่อครบตามกำหนดวันที่หมักเอาไว้แล้ว ก็ให้กรอกเอาแต่น้ำชาไว้ แล้วจากนั้นก็สามารถนำมาดื่มได้เลย เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้นขั้นตอนของการหมัก Kombucha แล้ว
ประโยชน์ของ คอมบูชา ดีต่อสุขภาพอย่างไร
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า สิ่งที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจกับการดื่มเมนูอาหารชีวจิตอย่าง ชาหมัก หรือว่า Kombucha กันมากขึ้น ก็มาจากประโยชน์มากมายที่ร่างกายจะได้รับ ซึ่งประโยชน์ของ คอมบูชา ก็มีดังต่อไปนี้
1. ช่วยเรื่องปรับสมดุลลำไส้
ชาหมัก ถือว่าเป็นแหล่งชั้นดีของโพรไบโอติก เป็นสมุนไพรลำไส้อักเสบ โดยโพรไบโอติกมีส่วนช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยในเรื่องของการแก้อาการท้องเสีย, ท้องผูก, ลำไส้แปรปรวน และช่วยในการเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ให้มากขึ้นด้วย
2. ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
การดื่มชาหมักทำให้สมดุลลำไส้ดีขึ้น โดยสิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากการมีจำนวนของจุลินทรีย์ชนิดดีมากกว่าชนิดไม่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของร่างกายด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นหวัด หรือจะติดเชื้อต่าง ๆ ก็จะลดน้อยลงไปนั่นเอง
3. ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
การดื่มชาหมัก หรือ Kombucha ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมัน และยังช่วยลดไขมันเลวที่อยู่ในเลือดของเราด้วย โดยไขมันเลวนี้ถือว่าเป็นบ่อเกิดสำคัญที่ทำให้เป็นโรคหัวใจ ซึ่งจากการวิจัยก็พบว่า การดื่มชาหมักเป็นประจำ สามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าคนที่ไม่ดื่มได้มากถึง 31% เลยทีเดียว
4. ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้
นอกจากที่การดื่มชาหมักจะช่วยในเรื่องของการลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้แล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องของการลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ได้ด้วย ซึ่งก็มาจากการที่มีโพรไบโอติกที่มาช่วยปรับสมดุลลำไส้ให้ดีขึ้น และมีปริมาณจุลินทรีย์ที่มากกว่าเดิม สิ่งนี้เองที่จะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียทำงานได้อย่างปกติ จึงช่วยลดโอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ได้นั่นเอง
5. ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย
ภายในชาหมักจะมีสิ่งที่เรียกว่า สารต้านอนุมูลอิสระ โดยสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายไม่ให้ถูกทำลายไป อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้อร้ายด้วย
6. ช่วยลดน้ำหนัก
ชาหมัก เป็นสิ่งที่รู้จักกันดีในกลุ่มของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เนื่องจากว่าในชาหมักจะมีกรดแอซีติก หรือกรดน้ำส้มสายชู ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก โดยหากว่าใช้ชาดำในการหมักก็จะช่วยทำให้รักษาระดับน้ำตาลในเลือด แต่ถ้าหากว่าใช้ชาเขียวในการหมัก ก็จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมัน สิ่งเหล่านี้ทำให้สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
7. ช่วยเรื่องสุขภาพจิตที่ดี
จากการศึกษาพบว่า การที่ร่างกายของคนเราได้รับโพรไบโอติกในปริมาณที่พอดีเป็นประจำ ก็จะช่วยให้สามารถคงระดับอารมณ์ของเราได้ อีกทั้งการที่ในลำไส้มีแบคทีเรียที่ดีอยู่ก็จะช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ นอกจากนั้นแล้วด้วยรสชาติของชาหมักที่มีความเปรี้ยวซ่า ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น สิ่งเหล่านี้เองที่ส่งผลทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี
ข้อแนะนำควรกินวันละเท่าไร และกินตอนไหนดี
แม้ว่าคอมบูชาจะเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็มีโทษที่ต้องระมัดระวังอยู่ด้วยเช่นกัน โดยการดื่มชาหมักมากเกินไป หรือดื่มชาหมักที่ไม่ได้คุณภาพ ก็จะทำให้ส่งผลต่อเรื่องของระบบย่อยอาหาร, ส่งผลต่อเรื่องตับ หรือส่งผลต่อการที่อาจจะมีจุลินทรีย์ที่ไม่ดีเข้ามาในร่างกายได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ในการหมักชาจึงจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องทำให้สะอาดมากที่สุด เพื่อลดโอกาสปนเปื้อนของเชื้อโรคต่าง ๆ และภาชนะที่ใช้ควรจะเป็นโหลแก้วถือว่าปลอดภัยที่สุด ห้ามนำเอาภาชนะเหล็ก หรือเซรามิกเคลือบมาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยากับกรด และปล่อยสารพิษขึ้นได้
ในการดื่ม Kombucha หรือชาหมักให้ดีมากที่สุด ให้เริ่มจากการดื่มในปริมาณที่น้อยก่อน เพื่อดูปฏิกิริยาของร่างกายว่าเป็นอย่างไร หากปลอดภัยถึงจะดื่มต่อได้ โดยแนะนำว่าควรจะดื่มก่อนมื้ออาหารเป็นเวลา 20-30 นาที หรือดื่มหลังจากมื้ออาหารไป 1 ชั่วโมงแล้วก็ได้เช่นกัน ซึ่งปริมาณที่ดื่มจะต้องไม่เกินครั้งละ 200-300 มิลลิลิตรต่อครั้ง และสามารถดื่มได้วันละ 2-3 ครั้ง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดื่มชาหมักก็จะเป็นช่วงเช้า และบ่าย หรือช่วงเย็น อย่างไรก็ตามหากพบว่าชาหมักมีรสชาติที่เปรี้ยวเกินไป ก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มไปจะดีกว่า
ทั้งนี้สำหรับการดื่มชาหมัก หรือ คอมบูชา ก็ไม่แนะนำในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายตามมาได้ โดยจากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คงจะช่วยทำให้เข้าใจกันมากขึ้นแล้วเกี่ยวกับเรื่องของชาหมัก จะเห็นได้เลยว่านอกจากที่จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แล้ว ในขณะเดียวกันก็มีโทษที่ต้องระวังอยู่ด้วย ดังนั้นหากอยากดื่มเพื่อให้ได้สุขภาพที่ดี ก็แนะนำว่าให้ดื่มในปริมาณที่เหมาะสมก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า
อ้างอิงจาก
- Kombucha – Ingredients, Health Benefits, and Risks. https://www.webmd.com/diet/the-truth-about-kombucha
- Kombucha tea: Does it have health benefits?. https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/consumer-health/expert-answers/kombucha-tea/faq-20058126