สมุนไพรบํารุงปอดมีอะไรบ้าง ? เปิดรายชื่อสมุนไพรเด็ดที่ควรลอง
ทุกวันนี้เราต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แย่มาก ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือฝุ่น PM2.5 ทุกวัน และยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ทำให้เราต้องหาวิธีป้องกันและดูแลตัวเองกันมากขึ้น ดังนั้น จึงควรรีบเสริมภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะการบำรุงการทำงานของปอด เพราะปอดถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญของระบบทางเดินหายใจ การดูแลปอดให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ เช่นกัน ปอด เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญมากต่อระบบหายใจ อยู่ภายในทรวงอกทั้ง 2 ข้าง หน้าที่หลัก คือ แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนที่เราสูดหายใจ แล้วขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาด้วยการหายใจออกเพื่อกรองของเสีย ทำงานเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก จึงเปรียบเสมือนเจ้าแห่งลมปราณ คอยควบคุมการไหลเวียนลมปราณทั่วร่างกาย และยังมีหน้าที่จัดการการไหลเวียนของน้ำ เลือด และสารอาหาร ส่งไปทั่วร่างกายให้สมดุล ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ช่วยบำรุงปอดด้วยวิธีธรรมชาติ นั่นก็คือการทานสมุนไพรบำรุงปอด บทความนี้จะมาแชร์กันว่า สมุนไพรบํารุงปอดมีอะไรบ้าง
15 สมุนไพรบํารุงปอดมีอะไรบ้าง ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง
ในสถานการณ์ปัจจุบันทั้งความเสี่ยงจากเชื้อโรคต่างๆ ทำให้เราอยากดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะปอดที่เป็นอวัยวะที่ช่วยในการหายใจ ถ้าหากปอดมีปัญหาก็ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนั้นเราจะพามารู้จักสมุนไพรที่มีอยู่รอบตัวเราที่จะช่วยบำรุงปอดและสร้างเกาะป้องกันเพื่อให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง ลองมาดูกันดีกว่าว่ามี สมุนไพรบํารุงปอดมีอะไรบ้าง มีชนิดใดบ้าง
1. กระเทียม
ถ้าพูดถึงสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสบางชนิด กระเทียมต้องอยู่อันดับต้นๆ ในตำรับยาไทยเพราะมีข้อมูลสรรพคุณว่ากระเทียมช่วยรักษาปอด บำบัดโรคในอก รักษาวัณโรค แก้หวัดคัดจมูก แก้ไข้ ขับเสมหะ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก รวมทั้งมีสารอัลลิซินช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้เกือบทุกชนิด ที่สำคัญคือ ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันชนิดไม่ดีที่ร่างกายไม่ต้องการ
2. ขิง
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น คือ ต้านการอักเสบในร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังดีต่อระบบทางเดินหายใจ ทั้งยังช่วยขับเสมหะในคนที่มีเสมหะบ่อยๆ ได้ ที่สำคัญน้ำขิงยังหาดื่มง่าย ทั้งยังช่วยดีท็อกซ์สารพิษตกค้างในร่ายกาย ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ ที่สำคัญการดื่มน้ำขิงเป็นประจำจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและต้านโรคได้
3. ขมิ้นชัน
ขมิ้นชันได้รับการขนานนามว่าเป็น “Wonder of drugs” เป็นสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญอย่าง ‘เคอร์คิวมิน’ (Curcumin) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบภูมิคุ้มกัน สามารถช่วยในการต้านเชื้อไวรัส เชื้อโรค และสารพิษและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สารสกัดเคอร์คิวมินยังมีประสิทธิภาพโดยตรงในการล้างพิษและช่วยฟื้นฟูตับ มีฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบ ช่วยบำรุงตับ และลดภาวะไขมันพอกตับ นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกนำมาสกัดเป็นยาเสริมอาหารที่ใช้บำรุงร่างกาย ป้องกันโรค ป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์ด้วย
4. พริก
พริกอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ อย่างวิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินซี ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุเหล็ก ใยอาหาร เป็นต้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัส หลอดลมอักเสบ หรืออยากจะขับเสมหะออกจากปอด เพราะความเผ็ดร้อนของพริกจะช่วยกำจัดสิ่งกีดขวางในระบบทางเดินหายใจ ช่วยลดปริมาณสารคอเลสเตอรอลในร่างกายและเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดให้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นสมุนไพรอีกตัวที่ดีต่อปอดมากเลยทีเดียว
5. มะขามป้อม
สรรพคุณของมะขามป้อม เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ช่วยรักษาโรคหลากหลาย เช่น ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง โรคเบาหวาน ตับอ่อนอักเสบ โรคมะเร็ง ท้องเสีย โรคทางสายตา ปวดข้อ ถ่ายเป็นเลือด โรคอ้วน โรคข้อเข่าเสื่อม หรือฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ บรรเทาอาการโรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ เพราะในมะขามป้อมอุดมไปด้วยวิตามินซี มีสารกลุ่มแทนนินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่นๆ อีกเพียบ ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 3 ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัส
6. หญ้าดอกขาว
หญ้าดอกขาวขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรล้างปอด โดยมีงานวิจัยพบว่า หญ้าดอกขาวถือว่าเป็นสมุนไพรช่วยเลิกบุหรี่เพราะสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ค้างในปอดของคนที่สูบบุหรี่ และช่วยลดความอยากบุหรี่ได้ด้วย นอกจากนี้ สรรพคุณของหญ้าดอกขาวนั้นมีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์และเทอร์พีนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงและลดการอักเสบ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งปอด และในตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านยังนำหญ้าดอกขาวมาบรรเทาอาการไอ แก้หอบหืด และรักษาโรคหลอดลมอักเสบอีกด้วย หญ้าดอกขาวยังมีแร่ธาตุหลากชนิด เช่น ธาตุเหล็ก แมงกานีส โคบอลต์ และซีลีเนียม เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. หนุมานประสานกาย
หนุมานประสานกายมีสรรพคุณ คือ ช่วยแก้เจ็บคอ คออักเสบ แก้ปอดและหลอดลมอักเสบ แก้อาการช้ำใน อาเจียนเป็นเลือด มีส่วนช่วยกระจายเลือดลมที่จับเป็นก้อนหรือคั่งในปอด เปิดทางเดินหายใจให้เลือดลมไหลเวียนสะดวกขึ้น และยังพบว่าสารสกัดจากใบหนุมานประสานกาย มีสารซาโปนินซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดลมด้วย ต้นมีรสขมฝาดเผ็ดปร่าหอม ต้มดื่มรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ทำให้เลือดลมเดินสะดวก
8. รางจืด
จุดเด่นของรางจืดคือสรรพคุณล้างพิษ ซึ่งนอกจากจะช่วยล้างพิษในร่างกาย หรือเป็นสมุนไพรช่วยเลิกยาเสพติดหรืออาการติดเหล้า ในตำรับยาไทยยังใช้รางจืดช่วยบรรเทาอาการท้องเสียเนื่องจากอาหารเป็นพิษ ช่วยปกป้องเซลล์ตับและไตจากพิษของสารเคมี นอกจากนี้ รักษาโรคไข้หวัด รักษาโรคติดเชื้อในกระแสเลือด สามารถต้านและกำจัดเชื้อโรคบางชนิดในกระแสเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ปรับระดับความดันของหัวใจให้เป็นปกติ และถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาผู้ป่วยโรคหอบหืด
9. ใบหม่อน
ใบหม่อนเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้ไข้หวัด แก้ไอ มีสรรพคุณขับลมร้อนที่ปอดและตับ ช่วยระบายน้ำที่คั่งในปอดได้ บรรเทาอาการหอบหืด ลดอาการแน่นหน้าอก ลดบวม หรือบรรเทาอาการเลือดกำเดาไหล ขากเป็นเลือดได้ และมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของเซลล์เนื้อเยื่อ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยที่ผิวหนัง
10. ใบหูเสือ
ใบหูเสือ มีกลิ่นหอมฉุน รสเผ็ดร้อน นิยมใช้ใบเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยเจริญอาหาร เพิ่มน้ำนม นิยมกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใส่ในแกงจืด หรือทำเมนูเครื่องดื่มต่างๆ น้ำมันหอมระเหยในใบ หากนำมาขยี้ดมจะช่วยแก้อาการหวัดคัดจมูกได้ หากนำมาทาภายนอกที่ท้องหรือกินจะช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อย ขับลม ใบหูเสือก็จัดเป็นสมุนไพรแก้หอบ แก้ไอเรื้อรัง รักษาหลอดลมอักเสบ แก้เจ็บคอ และยังมีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดลมด้วย
11. ดอกปีบ
ดอกปีบมีฤทธิ์ขยายหลอดลม แก้หืด แก้ริดสีดวงจมูก ขับน้ำดี บำรุงกำลัง บำรุงเลือด ใช้เป็นยารักษาไซนัสอักเสบ ส่วนรากดอกปีบนำมาปรุงยารักษาวัณโรค ขับเสมหะ บำรุงปอด แก้อาการหอบเหนื่อย โดยจากการศึกษาพบว่าในดอกปีบมีสารฮิสปิดูลิน (hispidulin) ซึ่งเป็นสารชนิดระเหยได้ และสารชนิดนี้ก็มีฤทธิ์ขยายหลอดลม ดังนั้นจึงมีการนำดอกปีบแห้งมวนด้วยใบบัวหรือใบตองแล้วใช้สูบแก้หอบหืด
12. ชะเอมเทศ
ชะเอมเทศเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยเกลือแร่ และสารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพมากมาย จึงมีการใช้ประโยชน์จากชะเอมอย่างหลากหลาย เพราะเป็นส่วนประกอบของยาแก้ไอแผนโบราณ ซึ่งสรรพคุณของชะเอมเทศก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมีส่วนช่วยบำรุงปอด ขับเสมหะ มีรสหวานชุ่มคอ แก้คอแห้ง แก้ไอ แก้น้ำลายเหนียว แก้อ่อนเพลีย บรรเทาอาการปวดท้อง และมีฤทธิ์กล่อมประสาทอ่อน ๆ
13. ฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาเย็น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย ใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอ มีส่วนช่วยรักษาอาการของโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจได้ดี การรับประทานฟ้าทะลายโจรในปริมาณที่พอดี จะช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ของระบบทางเดินหายใจให้ดีขึ้นได้ เพราะระบบทางเดินหายใจส่วนบนมักจะเป็นด่านแรกที่จะได้รับเชื้อก่อนเชื้อจะลงปอดเสมอ
14. พริกไทยดำ
พริกไทยดำมีสรรพคุณทางยา โดยเฉพาะสรรพคุณที่นำมาใช้ปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ เมล็ดพริกไทยมีสารฟีนอลิกและสารพิเพอรีน ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันและต่อต้านสารก่อมะเร็ง พริกไทยมีฤทธิ์ร้อนช่วยขับเหงื่อ ลดไข้ และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายและเสริมภูมิต้านทานไปด้วยในตัว
15. ฝาง
สรรพคุณทางยาตำรายาแผนไทยระบุว่า แก่นฝางสมุนไพรพื้นบ้านมีรสขมและฝาดต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงโลหิตสตรี แก้ปอดพิการ ช่วยแก้โรคหืดหอบได้ด้วย มีฤทธิ์ในการระงับอาการอักเสบได้ดี น้ำต้มแก่นฝางกช่วยแก้อาการร้อนใน แก้กระหายน้ำได้ดี นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา เชื้อไวรัส ช่วยยับยั้งเนื้องอก ยับยั้งการแพ้ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้
นอกจาก 15 สมุนไพรบำรุงปอดที่เราแนะนำมานั้นจะช่วยลดเพิ่มการป้องกันและช่วยบำรุงปอด แต่เราก็ยังต้องตระหนักเอาใจใส่ดูแลในภาวะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่หมดไป เพื่อสร้างภูมิต้านทานในร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากอาหารการกินแล้วเราต้องออกกำลังกายเสริมการทำงานของปอดควบคู่ไปด้วย เพื่อช่วยให้ปอดขยายได้เต็มความสามารถ
5 วิธีบำรุงปอดให้มีประสิทธิภาพ
ปอด เป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญมากซึ่งทำหน้าที่ในการหายใจเข้า-ออก ดังนั้นจึงต้องหันมาดูแลสุขภาพปอด เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยวันนี้นอกจาก 15 สมุนไพรที่แนะนำกันไปแล้ว เรายังมีอีก 5 วิธีดูแลปอดให้แข็งแรงมาฝากกันด้วย
1. ออกกำลังกายบริหารปอด
การออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มความแข็งแรงให้ระบบการไหลเวียนของเลือด เพื่อให้ปอดใช้ออกซิเจนได้มากขึ้น ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ สลายไขมันได้ถ้าออกกำลังกายติดต่อกันด้วยความเข้มข้นคงที่ ทำให้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะหลายคนมักนิยมออกกำลังกายแบบเน้นการสร้างกล้ามเนื้อ แต่การออกกำลังกายบริหารปอดจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ เนื่องจากเมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดก็จะทำให้ปอดแข็งแรงมากขึ้นตามไปด้วย และสามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การหายใจของเราดีขึ้น โดยการออกกำลังกายเสริมสุขภาพปอดให้แข็งแรง และควรเคลื่อนไหวขยับร่างกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที
2. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายปอด
เมื่อพูดถึงพฤติกรรมทำร้ายปอด ทุกคนจะต้องคิดถึงการสูบบุหรี่เป็นลำดับต้นๆ เพราะนอกจากจะทำร้ายปอดแล้ว ยังส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอักเสบ โรคถุงลมปอดโป่งพอง โรคปอดบวม โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง ฯลฯ การดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุเพิ่มความเสี่ยงในโรคติดเชื้อในปอดและทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย การสูดดมกลิ่นควันรถยนต์และการทำกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางมลภาวะฝุ่น PM2.5 ซึ่งเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ หากสูดดมเป็นระยะเวลานาน อาจมีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งปอดได้ รวมถึงการทำความสะอาดบ้านให้ไร้ฝุ่นด้วยและควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้ห่างไกลจากปัจจัยที่ทำลายปอด หรือส่งผลกระทบต่อระบบภูมิต้านทานโดยตรง
3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและทานอาหารที่มีประโยชน์
การนอน คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุดต่อร่างกาย เพราะเมื่อนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้า ใบหน้าแลดูสดใส ไม่หมองคล้ำ และช่วยให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายทำงานซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คนที่อดนอนหรือนอนดึกติดต่อกันเป็นเวลานาน มักมีปัญหาด้านสุขภาพและสภาพจิตใจ ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคลดลง และอาจเกิดปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจได้อีกด้วย
รวมถึงสุขภาพของเราจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่ทานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม พยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ทานอาหารให้มีความหลากหลาย ทานผักและผลไม้เป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 60% ของน้ำหนักตัว ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเลือด อวัยวะ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง และสมอง ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย โดยการจิบทีละน้อยตลอดทั้งวัน เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ต่อร่างกาย ทั้งช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย และน้ำยังช่วยบำรุงปอดให้ชุ่มชื้น ทำให้ปอดไม่แห้ง เพราะหากปอดแห้งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในปอด เมื่อปอดขาดน้ำและมีอุณหภูมิสูง ก็มักทำให้ปอดติดเชื้อได้ง่าย ส่งผลให้ภูมิต้านทานตก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจในเวลาต่อมาได้
5. บริหารปอดด้วยการหายใจ
การฝึกการหายใจนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหายใจได้ดีขึ้น เพิ่มการขยายตัวของทรวงอก ลดอาการหอบเหนื่อย เนื่องจากเมื่อเราหายใจเข้าจะนำออกซิเจนเข้าไปในปอดและเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเราหายใจออก ปอดก็จะเป็นการนำคาร์บอนไดออกไซด์ขับออกจากร่างกาย โดยเราสามารถช่วยดูแลปอดให้แข็งแรงได้ในทุกวัน รวมถึงการดูแลรักษาปอดให้อบอุ่นอยู่เสมอด้วยเพื่อป้องกันโรคปอดด้วย ควรหายใจเข้า-ออกแบบลึกๆ อย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง เพื่อบริหารปอดจะทำให้ปอดได้ขยายตัวอย่างเต็มที่ ร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด และการฝึกการหายใจในระยะยาวจะช่วยให้สมรรถนะการทำงานของปอดดีขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 15 สมุนไพรบำรุงปอดที่เราแนะนำ รวมถึงอีก 5 วิธีดูแลปอดให้แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ ที่นี้เราก็รู้แล้วว่า สมุนไพรบํารุงปอดมีอะไรบ้าง แต่ข้อควรระวังก่อนที่จะรับประทานสมุนไพรเหล่านี้ ทุกคนควรศึกษาถึงข้อดี ข้อเสีย หรือปรึกษาแพทย์เสียก่อน เพราะสมุนไพรบางชนิดอาจส่งผลให้คุณเกิดอาการแพ้หรือปฏิกิริยารุนแรงได้
แม้ว่าสมุนไพรจากธรรมชาติจะมีสรรพคุณต่างๆ มากมาย แต่อย่าลืมดูแลร่างกายด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อน การออกกำลังกาย และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายควบคู่กันไปด้วย ถึงจะทำให้ร่างกายและปอดของเราแข็งแรงห่างไกลจากโรคร้าย
อ้างอิง
12 สมุนไพรบำรุงปอด เสริมความแข็งแกร่งให้ปอดแข็งแรง สู้ไวรัสและฝุ่นพิษ :
https://health.kapook.com/view238264.html
4 กลุ่มอาหารบำรุงปอดแข็งแรง เสริมภูมิสู้โควิด-19 :
https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=2308
7 วิธีดูแลปอดแบบง่าย ๆ เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย ‘รังนก’ :
https://hellokhunmor.com/โภชนาการเพื่อสุขภาพ/ข้อมูลโภชนาการ/บำรุงปอด-รังนก-วิธีดูแลปอด
